ตอนผมทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่น ผมมีโอกาสได้ไป
เช่ารถขับกลางหิมะที่จังหวัด Iwate ในฤดูหนาว
ครั้งนั้นเป็น ครั้งแรกในชีวิต ที่ผมได้ขับรถท่ามกลางหิมะในญี่ปุ่น
แล้วก็เกิดเหตุจนได้... ตอนลงทางลาดชันก่อนถึงสี่แยกไฟแดง
ล้อรถ เกิดลื่น จนทำให้เบรคไม่อยู่ รถชนเข้าอย่างจัง กับรถคันข้างหน้า
ภาพที่ผมเห็น และจำได้แม่น คือ รถคัน ข้างหน้าโดนชน จนบุบ..
.
วินาทีนั้น คุณลุงเจ้าของรถคันหน้า จู่ๆก็รีบลงรถ เดินเข้ามาหาผมทันที
"ซวยแล้วผม..." ผมคิด ในใจผม พร้อมที่จะโดนด่า หรือ ถูกตำหนิ ที่ขับรถ ไม่ระวัง...
วินาที ที่ผมเปิดกระจกลง และกำลังจะพูด ขอโทษ...
.
.
"ร่างกาย ไม่เป็นอะไร ใช่ไหมครับ..."
ประโยคแรกที่ คุณลุง ชาวญี่ปุ่นคนนั้น พูดกับผม
ทำเอาผมรู้สึกตะลึง เพราะคุณลุงดูไม่สนใจ รถที่บุบเลย...แม้แต่น้อย
แต่เขากลับห่วง ร่างกายของผม ซึ่งเป็นคนขับรถชนท้ายรถเขาแท้ๆ...
.
.
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก หลังจากนั้นคุณลุงก็พาผม ไปที่โรงพักประจำอำเภอ
ซึ่งอยู่ไม่ไกล เพื่อลงบันทึก
ผมเองภาษาญี่ปุ่นตอนนั้นก็งูๆปลาๆมาก แกคงจะรู้สึกได้ว่าผมดูเกร็งๆ และเครียด
ตอนตอบคำถามคุณตำรวจ (ก็แน่ล่ะ... มาญี่ปุ่นไม่กี่เดือนก็ต้องมาโรงพักซะแล้ว...)
แถมท้องก็ร้อง เพราะยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า
.
.
วินาทีนั้นจู่ๆ คุณลุงก็หยิบขนมปังไส้ครีม (สงสัยเพิ่งขับไปซื้อมา)
ขึ้นมา และยื่นมาให้ผม.. ระหว่างรอคุณตำรวจไปทำเอกสาร
.
.
ผมรู้สึกซาบซึ้งใจ อย่างบอกไม่ถูก..
.
เป็นครั้งแรกที่ เห็นถึงพลังของ "น้ำใจ" คนๆนึงที่มีให้กับเรา
คุณลุงที่เป็นห่วงร่างกายของผม มากกว่า รถยนต์ของเขาเอง
คุณลุงที่ใส่ใจความรู้สึกคนอื่น แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยเจอกันมาก่อน
.
.
เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนมุมมองของผมที่เคยไม่เชื่อใจคนแปลกหน้าคนอื่นๆ
กลายมาเป็นคนที่พยายามฝึกที่จะ "มองโลก" ในมุมคนอื่น ดูเป็นครั้งแรก
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพลังของ "ขนม" และ "การให้" พร้อมๆกัน
.
.
"ขนม" และ "การให้" สองสิ่งนี้ ทำให้ผมนึกถึงคำพูดนึง
ที่อ่านผ่านตาในหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนไม่เคยเข้าใจ
.
.
.
"The piece of bread is an ambassador of the cosmos
offering nourishment and support"
.
ขนม ชิ้นเล็กๆหนึ่งชิ้น ถ้าเรามองให้ดี มันคือสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือ เกื้อกูลกันและกัน
.
Looking deeply into the piece of bread, I see the sunshine,
the clouds, the great earth.
.
ในขนมหนึ่งชิ้น เราจะมองเห็น พระอาทิตย์ เห็นหมูเมฆ และเห็นแผ่นดิน
.
Without the sunshine, no wheat can grow. Without the clouds, there is no rain for the wheat to grow. Without the great earth, nothing can grow.
.
หากไม่มีแสงแดด ข้าวสาลี ก็ไม่อาจเติบโตได้
.
หากไม่มีหมู่เมฆ ข้าวสาลี ก็จะไม่มีน้ำฝน ที่มาหล่อเลี้ยงให้เติบใหญ่
.
หากไม่มีแผ่นดิน ทุกๆสิ่งก็ไม่อาจะเติบโต
.
— Thich Nhat Hanh
.
.
ผมเชื่ออยู่เสมอว่า "การเป็นผู้ให้" อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว
แต่บางครั้งในชีวิตและสถานการณ์ต่างๆที่พัดพาเข้ามา มันทำให้เรา
หลงลืม ความสุข และความอิ่มเอิบ ของการเป็นผู้ให้ ไปได้
และในบางเวลาของชีวิต เราก็ต้องการ คนแบบ "คุณลุงชาวญี่ปุ่น" คนนั้น
ที่มาเป็นแบบอย่าง ในการใช้ชีวิตให้มีความสุข
.
.
เรื่องราวที่ผมพบเจอวันนั้น เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำฟีนิกซ์ ลาวา
" ซาลาเปา และขนม แต่ละชิ้น ถ้ามองให้ดี
เราจะมองเห็น พระอาทิตย์ เห็นหมูเมฆ และเห็นแผ่นดิน"
.
.
ขนมทุกๆชิ้นที่ถูกผลิตขึ้น เราผลิตขึ้นจากปรัชญาในการทำสินค้าเช่นนี้
.
เคารพลูกค้า เคารพตัวเอง และเคารพวัตถุดิบ ถึงคัดเลือก
.
ตั้งแต่แป้งสาลี แป้งข้าว ที่ใช้ทำขนม / สีจากดอกไม้และพืชผลธรรมชาติ
.
.
วินาที ที่เพื่อนๆเข้ามาหยิบขนมชนิดต่างๆในร้าน
ช่วงเวลาแบบนั้น เพื่อนๆนึกถึงคนที่รักและคิดถึงใช่ไหมครับ
.
.
สำหรับเรา ขนมทุกๆชิ้นคือ "สัญลักษณ์" ของการช่วยเหลือ เกื้อกูล กันและกัน
.
ถ้าเรามองให้ดี เราจะเห็น "ความใส่ใจ ความตั้งใจ และความรัก"
ของทุกๆคนที่เดินเข้ามาในร้าน เพื่อเลือกซื้อขนม สักชิ้นกลับไป
.
— ผมใช้ประโยคนี้ ในการฝึกสอนพนักงานที่เข้ามาทำงานในร้านทุกๆรุ่น
.
.
.
และ ทุกๆชุมชนที่เราเข้าไปเปิด เราตั้งใจเข้าไปทำให้
.
ผู้คนในชุมชนนั้น มีความสุข ความหวัง และแรงบันดาลใจ
.
ส่งต่อเรื่องราวแห่งการให้ และวิธีคิดที่มีต่อโลก ผ่านร้านขนมเล็กๆ ร้านนี้ครับ
.
อ่านฉบับเต็มได้ใน Blog
.
.
________________________
.
.
ปล.1
สาขาใหม่ที่เมืองทองธานี (ใต้คอนโด M Society)
เปิด Soft Opening วันอังคาร 1 มิถุนายน นี้ครับผม
ปล.2
สาขา Saima Avenue (สถานีไทรม้า)
เปิด Soft Opening 1 มิถุนายน นี้ครับผม
.
ชาว Nonthaburian สามารถมาหยิบขนมอร่อยๆที่ร้านได้เสมอนะครับผม